การเร่งความเร็วอินเตอร์เนท ผ่าน cFosSpeed Traffic Shaping

Traffic Shaping ทำงานอย่างไร?

การรับส่งข้อมูลปกติ

การรับส่งข้อมูลปกติ: 
การรับข้อมูลจะต้องได้รับการยืนยัน (packets การแจ้งได้รับ (ARC Packets) ก่อนที่จะส่งข้อมูลต่อไป. 

ไม่ทำการ Traffic Shaping

ไม่ทำการ Traffic Shaping: 
ACK packets นั้นจะถูกแยกและหน่วงไว้โดยการอัพโหลด ผลก็คือการดาวโหลดก็จะถูกทำให้ช้าลงไปด้วย 

cFos Traffic Shaping
cFos Traffic Shaping: 
ACK packets จะถูกจัดลำดับความสำคัญในช่องทางการอัพโหลด ทำให้การดาวโหลดสามารถทำได้โดยความเร็วสูงสุด 
 






 

 

   cFos Traffic Shaping ลดค่าความหน่วงระหว่างการส่งข้อมูลและให้คุณได้ใช้อินเตอร์เน็ตเร็วขึ้นถึง สามเท่า นั่นสามารถทำให้ท่านได้ใช้ความเร็วสูงสุดของอินเตอร์เน็ตของท่าน!

ระหว่างการส่ง TCP/IP ข้อมูลจำนวนหนึ่งต้องถูกยืนยันทางเครื่องรับก่อนที่จะส่งข้อมูลต่อไปได้ การแยกข้มมูลที่ต้องยืนยันเหล่านี้จะหน่วงการความเร็วการรับส่งข้อมูล ดังนั้นจะทำให้ผู้ส่งต้องรอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับสาย DSL และสายเคเบิ้ล มันอาจจะทำให้การดาวโหลดของท่านช้าลงเพราะการอัพโหลด (ซึ่งมีการส่งข้อมูลช้ากว่าอยู่แล้ว) นั่นเป็นเพราะสิ่งเหล่านี้ทำมีช่องส่งข้อมูลให้การส่งข้อมูลยืนยันการรับข้อมูลมีไม่เพียงพอ

มาตรฐานการแก้ไขถึงตอนนี้ได้ทำการทดลองและชดเชยโดยการเพิ่้มช่อง TCP window ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สามารถส่งข้อมูลครั้งละมากๆโดยที่ยังไม่ต้องรับการยืนยันทันที แต่ปัญหาสำคัญคือมันสามารถทำให้ ping times latency) นั้นเพิ่มมากขึ้นด้วย และการหน่วงข้อข้อมูลขณะเปิดเว็บต่างๆ การมีLatency มากถึง 2 วินาทีนั้นเป็นเรื่องไม่ปกติสำหรับ TCP windows ที่มีขนาด 512k. พูดง่ายๆก็คือ ถึงแม้ช่องทางจะใหญ่ขึ้นแต่ก็ยังไม่สามารถทำให้คุณมีอัตราการดาวโหลดสูงสุดได้อยุ่ดี 

ในทางกลับกัน cFos Traffic Shaping ลำดับความสำคัญของข้อมูลซึ่งทำให้ข้อมูลที่มีความสำคัญสามารถส่งผ่านเข้ามาก่อนข้อมูลทั่วไป โดยโปรแกรมจะทำให้การยืนยันสามารถรับได้อยู่เสมอ และการอัพโหลดก็ไม่ทำให้อินเตอร์เน็ตของท่านช้าอีกต่อไป!

เทคโนโลยีcFos Traffic-Shaping จำความสำคัญของข้อมูลต่างๆ และจัดเรียงมัน ไม่ไช่เพียงแค่ทำให้อินเตอร์เน็ตของท่าทำงานได้ลื่นไหลเท่านั้นแต่ยังทำให้ ping timesของคุณต่ำลงด้วย และไม่เพียงแค่เร่งความเร็วการดาวโหลดขึ้นอย่างมาก แต่ยังให้ประโยชน์ในการเล่นเกมออนไลน์อย่างแน่นอน

ด้วย cFos Traffic Shaping, คุณจะสามารถเห็นได้ถึงความแตกต่างของการปรับปรุงและประโยชน์ เช่น :

  • อัตราการดาวโหลดสูงสุดในขณะที่อัพโหลดไฟล์ไปด้วย
  • การตอบสนองที่รวดเร็วและเสถียรในขณะที่เปิดเวบต่างๆและโปรแกรมอื่นๆผ่านอินเตอร์เน็ต

ความเร็วสูง , ping ต่ำ

หากปราศจาก Traffic Shaping แล้ว ping times สามารถเปลี่ยนเป็น 2 วินาทีแห่งความยาวนานได้ง่ายดาย ซั่งทำให้การใช้งานTelnet หรือ SSH กระตุกและทำงานได้แย่มากแต่ด้วย cFos Traffic Shaping การเชื่อมต่อจะเป็นปกติ 

แค่เพียงโปรแกรมเดียวสามารถเปลี่ยนการเซิร์ฟเน็ตเป็นประสบการณ์ใหม่ๆได้เลยทีเดียว!

นั่นหมายถึงขณะที่คุณกำลังเปิดเวปต่างๆ คุณจะมองหาสิ่งต่างๆจนไม่สามารถรู้สึกว่ามีการรับส่งข้อมูลอยู่เบื้องหลัง อีกครั้งการลดค่าความเร็วในการรับส่งให้น้อยลงอย่างมหาศาลทำให้การเล่นเกมส์ออนไลน์นั้นสนุกมากขึ้่น

ก่อนอื่น cFos Traffic Shaping วัดระดับค่าการอัพโหลดและดาวโหลดและ ping delays สำหรับแต่ละการใช้งานของสายอินเตอร์เน็ต และมันก็ใช้ข้อมูลเหล่านี้ความคุมการส่งข้อมูลของอินเตอร์เน็ตทั้งหมด อีกทั้ง Traffic Shaping ยังเพิ่มความเร็วอัตรางานทำงานของอินเตอร์เน็ตในแต่ละการเชื่อมต่อหากต้องการ

ไม่เพียงแค่cFos Traffic Shaping ตั้งค่าความสำคัญของ ACKs แต่ยังมี packets อื่นที่ใช้สำหรับ Telnet และ SSH อีกทั้ง cFos Traffic Shaping ยังช่วยให้การติดขัดของการแชร์ไฟล์และอัพโหลดข้อมูลผ่านอีเมล์จะกลายเป้นเพียงแค่อดีต!

แต่อย่าใช้เพราะคำพูดของเรา ลองดูด้วยตัวท่านเอง

มีอะไรอีกนอกเหนือจากการ Traffic Shaping ที่ตัวโปรแกรมทำอีก?

นอกจากการตั้งค่าความสำคัญของ ACK packetsแล้ว ยังสามารถทำการ Traffic Shaping หรือ ทำให้คณสามารถทำการตั้งค่าได้อีกดั่งต่อไปนี้ :

  • RX Shaping
    ให้ความมั่นใจว่า ping times ของคุณจะยังคงต่ำเสมอแม้ตอนดาวโหลดอยู่ในขณะเดียวกันยังป้องกันการติดขัดของการดาวโหลดหลายๆงานในเวลาเดียวกัน
  • ACK-Filter
    เพิ่มระดับการรับรู้ของ TCP/IPอีกทั้งยังเพิ่มขนาดอัตราการส่งข้อมูลในช่องทางการอัพโหลด
  • การตั้งค่าความสำคัญของแต่ละโปรแกรม
    เช่น เกมส์ต่างๆในขณะที่ตั้งค่าความสำคัญโปรแกรมอื่นๆให้น้อยลงมีประโยชน์มากเมื่อต้องการเก็บ bandwidth มากๆสำหรับโปรแกรมที่ต้องการ
  • คุณภาพเสียงของ Voice over IP (VoiP) 
    สามารถทำให้ดีขึ้นได้โดยการวัดและตั้งค่าความสำคัญของ RTP pockets
  • การตั้งระดับความสำคัญให้ Protocals ผ่านการวิเคราะห์แบบ layer-7
    เช่น HTTP, FTP, POP3, SMTP, IcmP, SSH, Telnet, และ DNS สามารถทำได้โดยใช้การกับหนดค่าที่สามารถปรับได้ในตัวโปรแกรม

การจัดระบบการรับส่งข้อมูลขั้นสูง

การจัดระบบรับส่งข้อมูลของ cFosSpeed ประกอบด้วยส่วนใหญ่ๆสองส่วนด้วยกัน: การตรวจวัดความเร็วสูงสุดของการเชื่อมต่อ(การรับและการส่ง)จากนั้น จะลองส่งข้อมูลซึ่งไม่เกินความเร็วในการส่งของการเชื่อมต่อและใช้การจัดเรียงของข้อมูลกับข้อมูลที่เหลือ ซึ่งข้อมูลที่สำคัญกว่าจะได้ส่งก่อน ขณะรับข้อมูลนั้น cFosSpeed ไม่สามารถเปลี่ยนหรือจัดเรียงข้อมูลที่จะได้รับได้แต่มันสามารถที่จะทำให้ผู้ส่งข้อมูลนั้นๆช้าลงได้ซึ่งทำให้การเชื่อมต่อนั้นไม่ถูกขัดขวางจากทางผู้ส่งด้วยเหตุนี้จึงทำให้Pingนั้นดีและยังคงต่ำได้อยู่

cFosSpeed จะประเมินค่าความเร็วการส่งข้อมูลโดยการส่งแพ็กเก็ตPing แพ็กเก็ตPingเหล่านี้จะส่งโดยใช้ค่า TTL ขนาดเล็ก ซึ่งจะทำให้การรับข้อมูลเร็วขึ้นเพื่อสร้างความแม่นยำในการคำนวณเวลา วัตถุประสงค์นี้ก็เพื่อให้ cFosSpeed นั้นส่ง ระหว่าง คำขอการตอบรับICMP หรือส่งแพ็กเก็ต UDP ขนาดเล็ก ขึ้นอยู่กับว่าชนิดไหนจะดีกว่า ณ ขณะนั้น

เมื่อเวลาผ่านไป cFosSpeed จะบันทึกค่าPingที่ต่ำที่สุด จากนั้นเมื่อใดก็ตามที่ CfosSpeed อ่านค่าPing ได้สูงเกินจากที่ได้วัดไว้ ก็จะรู้ได้ทันทีว่ามีความแออัดเกิดขึ้นในการรับส่งข้อมูล เพื่อที่จะรับมือนั้น cFosSpeed ก็จะลดค่าการรับ หรือการส่งข้อมลูลลง

วิธีนี้ใช้ได้ผลมากสำหรับการรับส่งข้อมูลผ่านตัวกลางและยังมีคสามเสถียรสูงและทำงานได้ดีทั้งกับอินเตอร์เน็ทแบบ DSL หรือสายแค่เบิ้ล อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัญหาเกิดขึ้นกับตัวกลางที่มีค่าPingนั้นเปลี่ยนตลอดเวลา เช่น สัญญานอินเตอร์เน็ทไร้สายบนมือถือ (UMTS, WIMAX, CDMA, CDMA 2000, และอื่นๆ) การเปลี่ยนของPingเพียงชั่วคราวก็อาจทำให้ cFosSpeed นั้นลดความเร็วการรับหรือการส่งข้อมูล แม้กระทั่ง การที่มีPingสูงๆนั้นไม่ได้เกิดจากความแออัดของข้อมูล แต่ถึงกระนั้นความเร็วสูงสุดของระบบนั้นๆก็ยังไม่สามารถขึ้นสูงสุดได้จึงทำให้ cFosSpeed ไม่สามารถใช้Bandwidthทั้งหมดได้

จากเหตุการณ์นี้ cFosSpeed ได้สร้างบทวิเคราะห์ทางสถิติของค่าPingหลังจากผ่านเวลามาซักพักเพื่อที่จะประเมิณค่าPingที่เป็นปกติมากที่สุดของการเชื่อมต่อนั้นๆและค่าความเบี่ยงเบนของการเชื่อมต่อ ข้อมูลทางสถิตินี้จะถูกปรับตามไปเรื่อยๆ เมื่อใดก็ตามที่ค่า Bandwidth หรือ Latencyนั้นเปลี่ยนก็จะทำให้ได้ค่าที่ไกล้เคียงมากที่สุด แล้วนี่ก็จะทำให้การเชื่อมต่อแบบมือถือนั้นดีขึ้น และยังเพิ่มการตอบสนองได้ดีบนการเชื่อมต่อแบบ DSL

ข้อมูลวิเคราะห์ เชิงสถิตินี้จะยังทำงานได้ดีเมื่อ cFosSpeedนั้นสามารถที่จะมั่นใจได้ว่าการเปลี่ยนแปลงpingนั้นเป็นการเกิดขึ้นตามปกติของตัวกลางเอง โชคไม่ดีที่การรับส่งข้อมูลของการเชื่อมต่อเดียวกันแต่โดยผู้ใช้ท่านอื่นก็จะทำให้ Pingนั้นสูงขึ้นได้เหมือนกันและก็จะทำให้ข้อมูลนั้นผิดเพี้ยนไปซึ่งก็จะทำให้เกิดการลกความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่ไม่จำเป็นนั้นเกิดขึ้น

cFosSpeed จึงได้แก้ไขโดยการเพิ่มคุณลักษณะใหม่ให้ที่ชื่อว่า Net Talk ซึ่งมีการทำงานคือ เมื่อมีโปรแกรม cFosSpeed ได้ถูกผูกเข้ากับตัวกลางใดๆ (เช่น ในเน็ทเวิร์คเดียวกัน) ก็จะทำการกระจายข้อมูลว่ามีการรับส่งข้อมูลเท่าใดให้กับ โปรแกรมcFosSpeed ในที่อื่นๆ ซึ่งการกระทำนี้ก็จะทำให้ cFosSpeed นั้น ปรับความเร็วตามผลรวมของการรับส่งทั้งหมด มิใช่แค่ในโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่ง ซึ่งทำให้ค่าสถิตินั้นมีความแม่นยำมากขึ้นไปอีก อีกทั้งยังทำให้คุณภาพในการรับส่งข้อมูลนั้นๆดีขึ้นซึ่งก็หมายความว่าส่งข้อมูลได้ดีในขณะที่Pingยังคงต่ำอยู่นั่นเอง

ทดลองด้วยตัวคุณเอง!

เปรียบเทียบระยะเวลาในการดาวโหลดแล้ว

greenpeace.org
cFos 5.5 sec
XP 19.6 sec
amazon.com
cFos 8.3 sec
XP 39.2 sec
ขณะที่คุณกำลังดาวโหลดไฟล์ 2 งาน และ อัพโหลดไฟล์ 1 งานพร้อมกันนั้น cFos ให้คุณได้ใช้งานเร็วกว่า สามเท่าตัว ของ Windows XPไดร์ฟเวอร์!
วันที่ : 09/2004 - การเชื่อมต่อแบบ DSL ความเร็ว 768/128
 

ก่อนอื่น โปรดจำไว้ว่าการทดสอบดาวโหลดและอัพโหลดเพียงงานเดียวนั้นสามารถวัดได้เพียงแค่อัตราการดาวโหลดหรืออัพโหลดที่มากที่สุด ฉะนั้นคุณควรที่จะทำ2-3งานเพื่อที่จะได้เห็นความแตกต่างจากการใช้ cFos Traffic Shaping:

ทั้งcFos และ cFosSpeed จะทำการปรับขนาดอัตราความเร็วของตัวมันเองกับอัตราของความเร็วการเชื่อมต่อ นั่นหมายถึงมันจะทำให้การเชื่อมต่อของท่านนั้นเร็วขั้นที่สุดหลังจากใช้งานเพียงไม่กี่วัน ระหว่างนั้นคุณควรที่จะใช้งานการดาวโหลดและอัพโหลดให้มากที่สุดในความเร็วสูงสุด

ตอนนี้ลองส่งอีเมล์ให้ตัวคุณเองโดยแนบไฟล์ขนาดประมาณ 5 MB ในการเชื่อมต่อปรกตินี้ทั่วไปแล้วใช้เวลาประมาณ5นาทีในการวัดค่า ในการทดสอบแต่ละครั้งคุณควรจะล้างข้อมูล Cache ของอินเตอร์เน็ตเบราเซอร์เพื่อที่จะได้ความแม่นยำของระยะเวลาในการดาวโหลด อีกทั้งควรที่จะทำหลายครั้งเพื่อให้ได้ความแม่นยำสูงสุด

การดาวโหลดและอัพโหลดพร้อมๆกัน

 = ดีกว่าอัตราการส่งข้อมูล

ยกตัวอย่างเช่น , ในขณะที่กำลังดาวโหลดไฟล์ 1ชิ้น พร้อมกับ อัพโหลดไฟล์ 1 ชิ้น โดยทั่วไปแล้วนั้น "typical" การเชื่อต่อแบบ DSL ความเร็ว 768 kbit/s ควรที่จะมีอัตราการดาวโหลดอยู่ที่ 87 kbytes/s และอัพโหลดข้อมูลอยู่ที่ 16 kbytes/s แยกอัตราการอัพโหลดเป็น 11.5 kbytes/s สำหรับอัพโหลดไฟล์ส่วนที่เหลืออีก 4.5 kbytes/s ใช้ในการส่งข้อมูลของการอัพโหลดนั้นๆ.

ทางเลือกที่ง่ายและแม่นยำในการตรวจPing timesคือการใช้ hrPing freeware utility ของเรา.